วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ใช้งานและดูแลรักษาแบตฯ Lithium อย่างถูกต้อง

อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์สำหรับพกพา เช่น Notebook, กล้องดิจิตอล และมือถือ ในปัจจุบันจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่แบบ lithium แทบทั้งสิ้น ซึ่งแบตเตอรี่แบบ lithium นั้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา และไม่ต้องดูแลรักษามากนัก ซึ่งจะต่างจากแบตเตอรี่แบบชาร์ตไฟใหม่ได้ในสมัยก่อนๆอย่างสิ้นเชิง ทั้งในด้านวิธีใช้งาน และการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง
แบตเตอรี่แบบ lithium ที่พบเห็นบ่อยๆ ในปัจจุบันมีด้วยกัน 2 แบบ คือ
1. lithium-ion หรือตัวย่อว่า Li-ion เป็นแบตเตอรี่ที่พบเห็นมากที่สุด ถือว่าเป็นแบตเตอรี่มาตรฐานสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในทุกวันนี้
2. lithium-ion polymer หรือตัวย่อว่า Li-Poly เป็นแบตเตอรี่ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Li-ion โดยจะมีความจุไฟฟ้ามากว่า Li-ion ถึง 20% ในขนาดแบตเตอรี่ที่เท่ากัน แบตเตอรี่แบบนี้มีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือมีข้อจำกัดเรื่องรูปร่างของเบตเต อรี่น้อยมาก จึงทำให้สามารถสร้างแบตเตอรี่แบบ Li-Poly ให้มีขนาดเล็กและบางได้ รวมทั้งสามารถสร้างให้มีรูปทรงแปลกๆ ที่ไม่ใช่ทรงกระบอกหรือทรงสี่เหลื่ยมเหมือนแบตเตอรี่แบบเดิมๆได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามต้นทุนการผลิตของ Li-Poly ยังจัดว่ามีต้นทุนสูง ดังนั้นความนิยมจึงยังมีไม่มากเท่าแบตเตอรี่แบบ Li-ion
ทีนี้ลองพลิกดูแบตเตอรี่ของคุณๆ ดูว่าใช่แบตเตอรี่แบบ lithium กันรึเปล่า ถ้าใช่แล้ว เรามาไขข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแบตเตอรี่ lithium กันเลยดีกว่าครับ
1. ตารางเจ้าปัญหา ความจริงที่ถูกบิดเบือน
หลายๆคนอาจจะเคยเห็นตารางอย่างในรูปข้างบนมาแล้วใช่ไหมครับ ต้นฉบับที่แท้จริงของตารางข้างบนมาจากเว็บ http://www.batteryuniversity.com/parttwo-34.htm ครับ ซึ่งในเว็บ และบนหัวตารางก็ระบุไว้อย่างชัดเจนมันคือตาราง charge/discharge rateซึ่งคำว่า charge rate ไม่ได้หมายความว่าใช้แบตไปหมดไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้วค่อยชาร์ตไฟกลับคืนเป็น 100% แต่ charge rate หมายถึงอัตราของกระแสไฟฟ้าที่ใช้ชาร์ตแบตเตอรี่ในช่วงเวลา เช่น
ถ้าเรามีแบตเตอรี่ขนาด 10 Ah(ampere-hour) แต่เราชาร์ตไฟด้วยแท่นชาร์ตที่ปล่อยไฟชั่วโมงละ 2 แอมแปร์(ampare) ก็จะต้องใช้เวลาชาร์ตไฟเข้าไปในแบตเตอรี่ที่ว่างเปล่าจนไฟเต็มด้วยเวลา 5 ชั่วโมง อัตราการชาร์ตระดับนี้เราเรียกว่าอัตรา C/5 หรือ 0.2C
ส่วนอัตรา 1C ก็คือ ถ้าชาร์ตแบตเตอรี่ขนาด 10Ah ก็ต้องใช้แท่นชาร์ตที่ปล่อยไฟชั่วโมงละ 10 แอมแปร์ก็จะชาร์ดไฟได้เสร็จใน 1 ชั่วโมง
เช่นเดียวกับอัตรา 2C ก็คือ ชาร์ตแบตเตอรี่ขนาด 10Ah ด้วยแท่นชาร์ตที่ปล่อยไฟชั่วโมงละ 20 แอมแปร์ก็จะชาร์ตไฟได้เสร็จใน 30 นาที
และคำว่า discharge rate ก็จะคล้ายๆกับ charge rate ครับแต่เป็นในทางกลับกันคือเป็นอัตราการใช้ไฟ
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าตารางข้างต้นแสดงถึงว่าถ้าเราชาร์ตไฟด้วยกระแสไฟสูง ในเวลาสั้นหรือใช้ไฟจากแบตในปริมาณมากในระยะเวลาอันสั้น จะทำให้แบตเตอรี่แบบ lithium เสื่อมเร็วขึ้น (จำนวน cycle ลดลง)
ส่วนกรณีที่ยกมาอ้างว่า การชาร์ตไฟบ่อยๆหรือการใช้ไฟจากแบตเตอรี่เพียงเล็กน้อยแล้วรีบชาร์ตกลับให้ เต็ม 100% เป็นการช่วยเพิ่มจำนวน cycle นั้นไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย เพราะการเพิ่มลดของจำนวน cycle ไม่เกี่ยวกับรูปแบบการใช้งานว่าใช้มากใช้น้อยแล้วค่อยชาร์ตไฟ แต่จำนวน cycle เกี่ยวข้องโดยตรงกับรูปเครื่องชาร์ตว่าชาร์ตเร็วหรือช้า ถ้ายิ่งชาร์ตเร็วแบตฯก็จะเสี่ยมเร็ว ถ้าเครื่องชาร์ตค่อยๆชาร์ตแบตก็จะเสื่อมช้า
2. นับจำนวน Cycle อย่างไร
จำนวน Cycle คือตัวเลขที่บ่งบอกอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ว่าแบตฯจะเริ่มเสื่อมเมื่อผ่าน การชาร์ตไปนานแค่ไหน ถ้าแปลตรงๆตัวคำว่า cycle ก็คือรอบ คำว่ารอบไม่ได้เท่ากับคำว่าครั้ง ดังนั้นการชาร์ต 1 ครั้งจึงไม่เท่ากับ 1 cycle ซะทีเดียว
จำนวน 1 Cycle จะวัดจากปริมาณการชาร์ตไฟที่รวมๆแล้ว เท่ากับปริมาณการชาร์ตไฟจากแบตเตอรี่ที่ไม่มีไฟ(0%) จนแบตเตอรี่มีไฟเต็ม(100%) 1 ครั้ง
เช่น ถ้าเราชาร์ตครั้งแรกจากแบตเตอรี่ 50%=>100% การชาร์ตครั้งนี้ก็จะนับเท่ากับ 0.5 cycle
3. ชาร์ตอย่างไรถึงจะดี
หลายคนคงเคยได้ยินว่าต้องชาร์ตแบตเตอรี่ครั้งแรกเท่านั้นเท่านี้ชั่วโมง แล้วจึงจะเริ่มใช้งานได้ หรือว่าต้องหมั่นชาร์ตบ่อยๆ หรือไม่ก็ใช้ให้ไฟหมดก่อนแล้วค่อยชาร์ต ซึ่งข้อความทั้งหมดนี้ก็มีข้อจริงและเท็จปนๆกัน อันที่จริงแล้วสำหรับแบตเตอรี่แบบ lithium (ย้ำว่าแบบ lithium เท่านั้น) จะชาร์ตอย่างไรก็ได้ไม่มีผลต่ออายุการใช้งานครับ
ข้อมูลตรงนี้เป็นที่ยืนยันจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ(ทั้งที่อ้างอิง ไว้ข้างล่าง และที่อื่นๆ) มีใจความตรงกันว่า การชาร์ตมาชาร์ตน้อย ชาร์ตนาน ชาร์ตถี่ ชาร์ตบ่อย มีผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่น้อยมาก ส่วนข้อความข้างต้นที่ยกมานั้นเป็นคำแนะนำสำหรับแบตเตอรี่ชนิดอื่นๆที่ไม่ ใช่ lithium ครับ
การที่แบตเตอรี่แบบ lithium จะเสื่อมจากการใช้งานนั้นมีอยู่ด้วยกัน 4 เงื่อนไข คือ
- เมื่อใช้งานจนถึงจำนวน Cycle ที่แบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมเองตามปกติ
- เมื่อถึงเวลาที่แบตเตอรี่จะเสื่อมมันก็จะเรี่มเสื่อมเอง โดยเวลาที่ว่าเป็นเวลาที่นับตั้งแต่การผลิต ไม่ใช่เวลาในการใช้งาน
- การชาร์ตไฟของตัวชาร์ต (ดังที่กล่าวไปแล้วในข้อ 1)
- อุณหภูมิของแบตเตอรี่ ถ้าแบตเตอรี่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิสูงก็จะส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าปกติได้
4. ได้ยินว่าชาร์ตไฟ 40% แบตจะอยู่ได้นานกว่าจรึงรึเปล่า
สำหรับแบตเตอรี่แบบ lithium ถ้าชาร์ตไฟที่ 40% แล้วเก็บเอาไว้โดยไม่ใช้งานเป็นระยะเวลา 1 ปีขึ้นไป ตัวแบตจะเสื่อมน้อยกว่าการชาร์ตไฟที่ 100% แล้วเก็บไว้นาน 1 ปีขึ้นไป แต่สำหรับแบตเตอรี่ที่ไม่ได้เก็บไว้นานเกิน 1 ปี หรือแบตเตอรี่ที่ใช้งานตามปกติ(ไม่ได้เก็บเข้ากรุ) อัตราการเสื่อมของแบตเตอรี่ไม่ว่าจะมีไฟที่ 40% หรือ 100% นั้นแทบจะไม่ต่างกัน
สรุปว่าข้อความข้างต้นเป็นจริงเฉพาะแบตเตอรี่ lithium ที่เก็บไว้นานๆโดยไม่ใช้งานครับ
5. แล้วเวลาใช้งาน Notebook เมื่อเสียบปลั๊กแล้วควรจะถอดแบตหรือไม่
คำตอบนี้ตอบได้ทั้งควร และไม่ควรครับ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานจะเลือกแบบไหน
1. เสียบปลั๊กแล้วแต่ไม่ถอดแบตฯ
ข้อดี
- หากระบบไฟฟ้ามีปัญหา ก็จะไม่ส่งผลต่อการทำงาน และงานที่ทำในเครื่อง Notebook เปรียบเหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ USP อยู่
- ขัวแบตเตอรี่จะไม่เกิดปัญหา ฝุ่นผงหรือความชื้นไปเกาะ
- มีความสะดวก สบายในการใช้งาน ไม่ต้องถอดๆใส่ๆ
ข้อเสีย
- แบตเตอรี่จะได้รับความร้อนจากตัวเครื่อง ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าปกติเล็กน้อย
2. เสียบปลั๊กแล้วถอดแบตฯ
ข้อด
- แบตเตอรี่จะปลอดภัยต่อความร้อนที่มาจากตัวเครื่อง notebook
ข้อเสีย
- ขั้วแบตเตอรี่อาจเกิดฝุ่นผงหรือมีความขึ้นไปเกาะทำให้เกิดคราบออกไซด์ อาจส่งผลให้เกิดอาการเสียบแบตเตอรี่แล้วไฟไม่เข้าเครื่องได้
- หากระบบไฟมีปัญหา เครื่อง notebook จะดับ ทำให้งานในเครื่องเสียหาย และอาจทำให้อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ในเครื่องเสียหายได้
โดยส่วนตัวผมจะแนะนำให้เสียบแบตฯทิ้งเอาไว้ครับ เพราะข้อดีมีเยอะกว่าข้อเสีย และที่สำคัญคือ ถึงแม้การเสียบแบตฯไว้อาจจะทำให้แบตฯเสื่อมจากความร้อนได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว Notebook ทุกวันนี้ออกแบบมาให้ตรงส่วนที่เป็นแบตเตอรี่เป็นฉนวนความร้อนครับ ดังนั้นความร้อนก็จะส่งไปถึงแบตเตอรี่ได้ไม่มากนัก เรียกง่ายๆว่าถ้าเครื่องมันร้อนมาก คนใช้ Notebook จะร้อนมือก่อนที่แบตจะร้อนเสียอีกด้วยซ้ำครับ
สรุปสุดท้ายด้วยคำแนะนำสั้นๆ สำหรับแบตเตอรี่ lithium ดังนี้ครับ
1. พยายามหลีกเลี่ยงการใช้แบตเตอรี่จดหมดแล้วค่อยชาร์ดครับ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด discharge rate ในอัตราที่สูง (ใช้ไฟเยอะในเวลาอันสั้น) ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว เช่น กรณีที่ต้องการใช้งานเครื่องหนักๆ(กินแบตฯเยอะๆ) ก็ควรใช้แค่ช่วงเวลาไม่นาน และไม่ควรใช้จนแบตหมดครับ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆให้หาโอกาสชาร์ตไฟเป็นระยะๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิด discharge rate ในอัตราที่สูงได้
และที่สำคัญที่สุดคือการชาร์ตบ่อยๆ จะช่วยป้องกันการลืมชาร์ตไฟ ซึ่งถ้าหากปล่อยให้แบต lithium ไฟหมดเป็นเวลานานแบบจะเสีย ไม่สามารถชาร์ตไฟได้อีก
2. ระลึกไว้เสมอว่าแบตฯแบบ lithium ความร้อนมีผลต่อการเสื่อมมากกว่ารูปแบบการชาร์ตไฟครับ ดังนั้นพยายามดูแลอย่าให้แบตฯร้อน จะได้ผลดีกว่ามัวกังวลเรื่องชาร์ดบ่อย ชาร์ตมาก ชาร์ตน้อย
3. เก็บแบตเตอรี่ไว้ในที่เย็นๆ ถ้าจำเป็นจะต้องเก็บ Notebook ไว้ในรถที่จอดตากแดด ก็ควรถอดแบตเตอรี่แยกติดตัวออกมาครับ จะช่วยให้แบตฯเสื่อมช้าลง
4. ถ้าจำเป็นจะต้องเป็บแบตไว้เป็นเวลานาน โดยไม่ได้ใช้งาน ให้ชาร์ตไฟไว้ที่ประมาณ 40% ของความจุ แล้วเก็บไว้ในที่เย็นๆ จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้
5. ไม่ควรซื้อแบตเตอร์แบบ lithium มาเก็บไว้เผื่อใช้งานครับ เพราะแบตแบบ lithium มีอายุการเสื่อมสภาพนับจากวันผลิต(ไม่ใช่วันที่ใช้นะครับ) ดังนั้นถ้าเก็บไว้นานโดยไม่ใช่มันก็จะเสื่อมไปเองได้ครับ และเช่นเดียวกันกับการเลือกซื้อแบตแบบ lithium ไม่ควรซื้อแบตฯแบบเก่าเก็บครับ เพราะซื้อมาแล้วใช้ได้ไม่นานแบตฯมันจะเสื่อมตามอายุของมันเองครับ
จบแล้วครับสำหรับ 5 คำถามกับคำตอบที่ถูกต้อง และ 5 คำแนะนำในการใช้แบตเตอรี่แบบ lithium ยังไงอ่านบทความชิ้นนี้แล้วช่วยบอกต่อๆ กันไปด้วยนะครับ เพราะปัจจุบันนี้มีคนเข้าใจผิดกันเยอะ และมีบทความที่เขียนกันผิดๆ แปลมาผิดๆกันเยอะครับ บทความทั้งหมดนี้ผมเขียนขึ้นโดยรวมรวมจากความรู้ที่ได้ศึกษาจากเว็บต่าง ประเทศทั้งหมด รวมทั้งความรู้ส่วนตัวสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัย ส่วนเว็บท้ายบทความนี้ใช้อ้างอิงและหาข้อมูลเพิ่มเติมได้สำหรับผู้ที่ต้อง การนะครับ
http://www.batteryuniversity.com/parttwo-34.htm
http://en.wikipedia.org/wiki/Lithium-ion_battery
http://en.wikipedia.org/wiki/Lithium_ion_polymer_battery
http://en.wikipedia.org/wiki/Trickle_charging
http://www.daviddarling.info/encyclopedia/C/AE_charge_rate.html

ค้นหาและลงทะเบียน RSS feed ได้มากยิ่งขึ้น

ถ้า คุณต้องการ subscribe หรือลงทะเบียนรับข้อมูลข่าวสารผ่าน RSS feed เช่นข่าว technology news เป็นต้น คุณจะทำยังไง? คุณอาจจะทำการค้นหา blog ต่าง ๆ ที่เกียวข้องกับ technology news หรือเว็บไซด์ข่าวสารต่าง ๆ แล้วดูว่าเว็บเหล่านั้นมี RSS feed หรือไม่ ซึ่งทำให้ช้าและไม่สะดวกทีเดียว นอกจากนี้ Google, Yahoo และ search engine ตัวอื่นๆ ก็ไม่ได้ทำมาเพื่อค้นหา RSS feed โดยเฉพาะ แต่ทำมาเพื่อค้นข้อมูลเนื้อหาที่อยู่ที่เว็บไซด์นั้น ๆ Feedmil เป็น search engine ที่ทำมาเพื่อค้นหา RSS feed โดยเฉพาะ และครอบคลุมการค้นหา RSS feed ในทุก ๆ หัวข้อ ไม่ว่า RSS feed นั้นจะมาจากเว็บไซด์ทั่วไป [...]
 

ถ้า คุณต้องการ subscribe หรือลงทะเบียนรับข้อมูลข่าวสารผ่าน rss feed เช่นข่าว technology news เป็นต้น คุณจะทำยังไง? คุณอาจจะทำการค้นหา blog ต่าง ๆ ที่เกียวข้องกับ technology news หรือเว็บไซด์ข่าวสารต่าง ๆ แล้วดูว่าเว็บเหล่านั้นมี rss feed หรือไม่ ซึ่งทำให้ช้าและไม่สะดวกทีเดียว
นอกจากนี้ google, yahoo และ search engine ตัวอื่นๆ ก็ไม่ได้ทำมาเพื่อค้นหา rss feed โดยเฉพาะ แต่ทำมาเพื่อค้นข้อมูลเนื้อหาที่อยู่ที่เว็บไซด์นั้น ๆ
feedmil
feedmil เป็น search engine ที่ทำมาเพื่อค้นหา rss feed โดยเฉพาะ และครอบคลุมการค้นหา rss feed ในทุก ๆ หัวข้อ ไม่ว่า rss feed นั้นจะมาจากเว็บไซด์ทั่วไป หรือ blog ก็ตาม
feedmil มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่เก็บรวบรวมข้อมูล rss feed ของ blog และเว็บไซด์ต่าง ๆ ไว้อย่างมากมาย คุณเพียงแต่ใส่ keyword ของ rss feed ที่ต้องการค้นหาไม่ว่าจะเป็น technology, software, google, windwos, หรือแม้แต่อาหาร เป็นต้น เพียงเท่านี้ feedmil ก็จะทำการค้นหาข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูล และแสดงออกมาให้เห็น
search_result
เมื่อคุณทำการค้นหาหัวข้อใด ๆ บน feedmil คุณสามารถเลือกให้มันแสดง/ไม่แสดง blog หรือเว็บไซด์ที่ไม่เป็นที่นิยมได้ ในหน้าแสดงผลลัพธิ์การค้นหา คุณจะเห็นข้อมูลต่าง ๆ ที่น่าสนใจของ blog และเว็บไซด์นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็น ค่าความนิยมหรือ popularity, authority, activity และความถี่ในการ post บทความลงบน blog ต่อหนึ่งสัปดาห์ เป็นต้น
คุณสามารถปรับผลการค้นหาได้โดยปรับ topic significance ดังรูป
topic_significance

บทความโดย 2beshop.com

แปลงไฟล์ไปเล่นบนเครื่องอะไรก็ได้

สมมุติ ว่าคุณอยากจะแปลงไฟล์หนังจากแผ่น CD ไปลง PSP หรือ ipod คุณจะทำอย่างไร? วันนี้เราจะมาแนะนำโปรแกรมตัวหนึ่งที่จะช่วยให้คุณทำการแปลงไฟล์ต่าง ๆ ไปยังเครื่องใช้งานได้หลายตัว โดยการใ้ช้โปรแกรมตัวนี้ตัวเดียว หลาย ๆ คนอาจต้องการแปลงไฟล์ไปใช้ในเครื่องใช้ต่าง ๆ โดยเฉพาะไฟล์วีดีโอ เพื่อดูหนังค่าเวลาเมื่อต้องเดินทางนาน ๆ โปรแกรมที่จะแนะนำวันนี้มีชื่อว่า EncodeHD ซึ่งคุณสามารถโหลดไปใช้ได้ฟรี ๆ ขนาดของมันอยู่ที่ 5.5MB(zip file) เมื่อดาวโหลดและทำการ extract เรียบร้อยแล้วให้เรียกใช้งาน EncodeHD.exe คุณก็สามารถเริ่มใช้งานได้ทันที ก่อนจะไปสู่ขั้นตอนที่หนึ่ง ต้องขอบอกว่าโปรแกรมตัวนี้ไม่จำเป็นต้องทำการ install ดังนั้นคุณสามารถ save ใส่ thumb drive ไปใช้ที่ไหนก็ได้ครับ เมื่อ Extract ไฟล์ zip แล้วให้คลิ๊กที่ icon ดังรูปเพื่อเรียกโปรแกรมมาใช้งาน เมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมาให้คุณเลือกอุปกรณ์ ที่จะนำไฟล์ไปใช้ จากนั้นให้ทำการลาก-วาง (drag-droup) ไฟล์ media ไปวางไว้ในหน้าของโปรแกรม หรือคลิ๊กที่เครื่องหมาย “+” เพื่อเพิ่มไฟล์ที่ต้องการทำการแปลงดังรูป ทำการเลือก output folder เพื่อใช้เก็บไฟล์ที่ถูกแปลง จากนั้นให้คลิ๊กที่ปุ่ม “start” [...]
 

สมมุติ ว่าคุณอยากจะแปลงไฟล์หนังจากแผ่น cd ไปลง psp หรือ ipod คุณจะทำอย่างไร? วันนี้เราจะมาแนะนำโปรแกรมตัวหนึ่งที่จะช่วยให้คุณทำการแปลงไฟล์ต่าง ๆ ไปยังเครื่องใช้งานได้หลายตัว โดยการใ้ช้โปรแกรมตัวนี้ตัวเดียว
หลาย ๆ คนอาจต้องการแปลงไฟล์ไปใช้ในเครื่องใช้ต่าง ๆ โดยเฉพาะไฟล์วีดีโอ เพื่อดูหนังค่าเวลาเมื่อต้องเดินทางนาน ๆ โปรแกรมที่จะแนะนำวันนี้มีชื่อว่า encodehd ซึ่งคุณสามารถโหลดไปใช้ได้ฟรี ๆ ขนาดของมันอยู่ที่ 5.5mb(zip file) เมื่อดาวโหลดและทำการ extract เรียบร้อยแล้วให้เรียกใช้งาน encodehd.exe คุณก็สามารถเริ่มใช้งานได้ทันที
ก่อนจะไปสู่ขั้นตอนที่หนึ่ง ต้องขอบอกว่าโปรแกรมตัวนี้ไม่จำเป็นต้องทำการ install ดังนั้นคุณสามารถ save ใส่ thumb drive ไปใช้ที่ไหนก็ได้ครับ
เมื่อ extract ไฟล์ zip แล้วให้คลิ๊กที่ icon ดังรูปเพื่อเรียกโปรแกรมมาใช้งาน
encodehd
เมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมาให้คุณเลือกอุปกรณ์ ที่จะนำไฟล์ไปใช้
1
จากนั้นให้ทำการลาก-วาง (drag-droup) ไฟล์ media ไปวางไว้ในหน้าของโปรแกรม หรือคลิ๊กที่เครื่องหมาย “+” เพื่อเพิ่มไฟล์ที่ต้องการทำการแปลงดังรูป
2
ทำการเลือก output folder เพื่อใช้เก็บไฟล์ที่ถูกแปลง
3
จากนั้นให้คลิ๊กที่ปุ่ม “start” เพื่อเริ่มกระบวนการแปลงไฟล์ เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ…หวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์นะครับ
ลองไปทำเล่นกันดูครับ

บทความโดย 2beshop.com

แยกเพลงจาก Youtube ให้เป็น mp3

วันนี้ จะมาแนะนำเว็บไซด์อีกเว็บหนึ่งที่เจ๋งทีเดียว เว็บที่ว่านี้คือ ListenToYoutube ประโยชน์การใช้งานของเว็บนี้คือ คุณสามารถใช้ tool ที่มีอยู่บนเว็บไดซ์ extract ไฟล์เพลงออกจาก หนัง .flv ที่อยู่บน Youtube ดังนั้นคราวหน้าถ้าคุณพบไฟล์วีดีโอบน Youtube ที่มีเพลงประกอบเพราะ ๆ คุณก็สามารถดึงมาฟังบนเครื่องเล่น mp3 ได้สบาย ๆ ListenToYoutube ให้บริการฟรี และสามารถทำงานได้รวดเร็วเกินขาด นอกจากนี้คุณไม่จำเป็นต้องสมัครสมาชิกก่อนใช้งานให้เสียเวลา สิ่งที่คุณต้องการมีเพียงสิ่งเดียวคือ URL ของวีดีโอ Youtube ที่คุณต้องการ extract ไฟล์ mp3 ออกมา ขั้นแรกให้เลือกไฟล์หนังจาก Youtube ขั้นที่สอง เมื่อได้ URL ที่ต้องการมาแล้วให้เป็นที่ ListenToYoutube เสร็จแล้วให้คลิ๊กที่ปุ่ม “Go” ตัวเว็บไซด์นี้จะทำการโหลดไฟล์ .flv ซึ่งเป็นไฟล์วีดีโอมาเก็บไว้ที่ server ของทางเว็บแล้วทำการ extract ไฟล์เพลงเป็น mp3 ออกมา จากนั้นให้คลิ๊กที่คำว่า Download mp3 ดังรูปเป็ันอันเสร็จเรียบร้อย บทความโดย 2beshop.com
 

วันนี้จะมาแนะนำเว็บไซด์อีกเว็บหนึ่งที่เจ๋งทีเดียว เว็บที่ว่านี้คือ listentoyoutube ประโยชน์การใช้งานของเว็บนี้คือ คุณสามารถใช้ tool ที่มีอยู่บนเว็บไดซ์ extract ไฟล์เพลงออกจาก หนัง .flv ที่อยู่บน youtube ดังนั้นคราวหน้าถ้าคุณพบไฟล์วีดีโอบน youtube ที่มีเพลงประกอบเพราะ ๆ คุณก็สามารถดึงมาฟังบนเครื่องเล่น mp3 ได้สบาย ๆ
listentoyoutube ให้บริการฟรี และสามารถทำงานได้รวดเร็วเกินขาด นอกจากนี้คุณไม่จำเป็นต้องสมัครสมาชิกก่อนใช้งานให้เสียเวลา สิ่งที่คุณต้องการมีเพียงสิ่งเดียวคือ url ของวีดีโอ youtube ที่คุณต้องการ extract ไฟล์ mp3 ออกมา
ขั้นแรกให้เลือกไฟล์หนังจาก youtube
youtube

ขั้นที่สอง เมื่อได้ url ที่ต้องการมาแล้วให้เป็นที่ listentoyoutube

listentoyoutube
เสร็จแล้วให้คลิ๊กที่ปุ่ม “go”
transfer
ตัวเว็บไซด์นี้จะทำการโหลดไฟล์ .flv ซึ่งเป็นไฟล์วีดีโอมาเก็บไว้ที่ server ของทางเว็บแล้วทำการ extract ไฟล์เพลงเป็น mp3 ออกมา
จากนั้นให้คลิ๊กที่คำว่า download mp3 ดังรูปเป็ันอันเสร็จเรียบร้อย
download

บทความโดย 2beshop.com

วิธีหาที่อยู่จริงของผู้ส่ง email ถึงเราโดยใช้ ip address

วันนี้ จะมาว่าด้วยการค้นหาผู้ที่ส่ง email ถึงเราว่าเขาอยู่ที่ไหน ด้วยการใช้ ip address แค่นี้เราก็สามารถสืบหาที่อยู่ของผู้ส่ง email ถึงเราได้แล้วครับ แม้ว่าผลของมันจะไม่ถึงกับ 100% แต่ว่ามันก็มีประโยชน์ และน่าสนใจมากทีเดียว คาดว่าผลการค้นหาในอนาคตน่าจะสามารถเจาะจงไปถึงบ้านที่อยู่ของผู้ส่ง email ได้เช่นเดียวกัน ประการแรกที่ต้องทำความเข้าใจกันซะ่ก่อน… ก่อนจะเริ่มต้นเราขอแนะนำให้คุณใช้ email ของ GMail, Yahoo Mail, และ Outlook เนื่องจากสามตัวนี้สามารถเลือก option ในการดู ip address ของผู้ส่งได้ ซึ่งในบทความนี้จะขอใช้ GMail เป็นตัวอย่างครับ เมื่อเข้าไปที่ Inbox แล้วให้ทำการเลือก email ที่ต้องการจะตรวจสอบ จากนั้นให้ไปที่คำว่า reply คล๊ิกที่ลูกศรชี้่ลูกที่อยู่ข้างขวาของคำว่า reply แล้วให้เลือก “show original” เมื่อเลือกเสร็จแล้ว GMail จะทำเปิดหน้าต่างหรือ tab ขึ้นมาอีกอัน ทีนี้คุณจะได้รายละเอียด ip address ของผู้ส่ง email เนื่องจากเหตุผลของความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัย [...]
 

วันนี้ จะมาว่าด้วยการค้นหาผู้ที่ส่ง email ถึงเราว่าเขาอยู่ที่ไหน ด้วยการใช้ ip address แค่นี้เราก็สามารถสืบหาที่อยู่ของผู้ส่ง email ถึงเราได้แล้วครับ แม้ว่าผลของมันจะไม่ถึงกับ 100% แต่ว่ามันก็มีประโยชน์ และน่าสนใจมากทีเดียว คาดว่าผลการค้นหาในอนาคตน่าจะสามารถเจาะจงไปถึงบ้านที่อยู่ของผู้ส่ง email ได้เช่นเดียวกัน
ประการแรกที่ต้องทำความเข้าใจกันซะ่ก่อน… ก่อนจะเริ่มต้นเราขอแนะนำให้คุณใช้ email ของ gmail, yahoo mail, และ outlook เนื่องจากสามตัวนี้สามารถเลือก option ในการดู ip address ของผู้ส่งได้ ซึ่งในบทความนี้จะขอใช้ gmail เป็นตัวอย่างครับ
เมื่อเข้าไปที่ inbox แล้วให้ทำการเลือก email ที่ต้องการจะตรวจสอบ จากนั้นให้ไปที่คำว่า reply คล๊ิกที่ลูกศรชี้่ลูกที่อยู่ข้างขวาของคำว่า reply แล้วให้เลือก “show original”
show-original
เมื่อเลือกเสร็จแล้ว gmail จะทำเปิดหน้าต่างหรือ tab ขึ้นมาอีกอัน ทีนี้คุณจะได้รายละเอียด ip address ของผู้ส่ง email
original-ipaddress
เนื่องจากเหตุผลของความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัย ภาพข้างบนจึงขอ sensor ในส่วนของ email address และ หมายเลข ip บางส่วนครับ
เมื่อได้ original ip address มาแล้วให้เราไปที่ whatismyipaddress ซึ่งเป็นบริการฟรี เพื่อหาที่อยู่ที่ได้จาก ip address นั่นเอง โดยจะทำงานร่วมกับ google map
google-map
ให้เราทำการกรอกหมายเลข ip address ที่ต้องการตรวจสอบ จากนั้นให้คลิ๊กที่ปุ่ม “lookup ip address” เราก็จะได้ที่อยู่บนแผนที่ google map ดังภาพข้างบน
ให้เราคลิ๊กที่ปุ่ม “+” บนแผนที่ีเพื่อทำการ zoom in ไปเรื่อย ๆ จนได้ภาพแผนที่ ที่เราพอใจ
zoom-in
จากตัวอย่างจะเห็นว่าเมื่อเรากดที่ปุ่ม “+” บนแผนที่ีเพื่อทำการ zoom in จนสุด ปรากฏให้เห็นว่าผู้ส่ง email หาเรานั้นอยู่สถานที่ใกล้เคียง รพ.หัวเฉียว ลองเอาไปเล่นดูนะครับ แม้ว่าในตอนนี้ความแม่นยำจะยังไม่สามารถนำมาใช้ได้ 100% แต่คาดว่าอีกไม่นาน google map คงจะพัฒนาความสามารถให้แม่นยำ และละเอียดกว่านี้อย่างแน่นอน

บทความโดย 2beshop.com
ผู้ให้บริการ server อันดับต้น ๆ ของไทย

ใช้ online tool ทำเว็บไซด์แป๊บเดียวเสร็จ!

อาจ มีบางครั้งที่คุณต้องการทำเว็บไซด์แบบง่ายๆ ไม่ต้องมีการเขียนโปรแกรมอะไรมากมาย และไม่ต้องเสียเวลามานั่งออกแบบให้ยุ่งยาก ตั้งแต่เรามี WYSIWYG (what you see is what you get) ใน tool หลาย ๆ ตัวที่ช่วยให้เราออกแบบ และเขียนเว็บไซด์ได้สะดวกยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามในวันนี้เราจะมาแนะนำเว็บไซด์ที่มีความสามารถแบบ WYSIWYG ที่ช่วยให้คุณสร้างเว็บไซด์ด้วย online tool ได้อย่างรวดเร็ว blinkweb เป็น online tool ที่ให้คุณสามารถสร้างเว็บไซด์ได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็น blogs, เว็บ content ต่าง ๆ หรือแม้แต่ Salesletter การออกแบบและ design ที่ได้ออกมายังมีความเป็นมืออาชีพน่าดูอีกด้วย ิblinkweb ยังสามารถสร้างเว็บไซด์ที่มาพร้อมระบบรับชำระเงินผ่านเครดิตการ์ดได้อีกด้วย ดังนั้นมันจึงเป็น online tool ตัวนึงที่ีน่าสนใจมากทีเดียว คุณสามารถทำงานได้จากทุก ๆ ที่ในโลกโดยไม่จำเป็นต้องซื้อซอฟท์แวร์ราคาแพง ที่สำคัญมันใช้งานง่าย เพียงแค่ drag-drop เท่านั้น เมื่อเข้าไปที่เว็บไซด์แล้วคุณจะเห็นจุดที่ให้ sign up ให้คุณลงทะเบียนเพื่อเริ่มต้นการใช้งานฟรี! เมื่อกรอกเสร็จเรียบร้อย ที่หน้าต่อไปให้คลิ๊กที่ [...]
 

อาจ มีบางครั้งที่คุณต้องการทำเว็บไซด์แบบง่ายๆ ไม่ต้องมีการเขียนโปรแกรมอะไรมากมาย และไม่ต้องเสียเวลามานั่งออกแบบให้ยุ่งยาก ตั้งแต่เรามี wysiwyg (what you see is what you get) ใน tool หลาย ๆ ตัวที่ช่วยให้เราออกแบบ และเขียนเว็บไซด์ได้สะดวกยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามในวันนี้เราจะมาแนะนำเว็บไซด์ที่มีความสามารถแบบ wysiwyg ที่ช่วยให้คุณสร้างเว็บไซด์ด้วย online tool ได้อย่างรวดเร็ว

blinklogo

blinkweb เป็น online tool ที่ให้คุณสามารถสร้างเว็บไซด์ได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็น blogs, เว็บ content ต่าง ๆ หรือแม้แต่ salesletter การออกแบบและ design ที่ได้ออกมายังมีความเป็นมืออาชีพน่าดูอีกด้วย
ิblinkweb ยังสามารถสร้างเว็บไซด์ที่มาพร้อมระบบรับชำระเงินผ่านเครดิตการ์ดได้อีกด้วย ดังนั้นมันจึงเป็น online tool ตัวนึงที่ีน่าสนใจมากทีเดียว คุณสามารถทำงานได้จากทุก ๆ ที่ในโลกโดยไม่จำเป็นต้องซื้อซอฟท์แวร์ราคาแพง ที่สำคัญมันใช้งานง่าย เพียงแค่ drag-drop เท่านั้น
เมื่อเข้าไปที่เว็บไซด์แล้วคุณจะเห็นจุดที่ให้ sign up ให้คุณลงทะเบียนเพื่อเริ่มต้นการใช้งานฟรี!
signup
เมื่อกรอกเสร็จเรียบร้อย ที่หน้าต่อไปให้คลิ๊กที่ “create a new site” เพื่อเริ่มต้นสร้างเว็บไซด์ใหม่ได้ทันที
createnew
จากนั้นโปรแกรมบนเว็บไซด์จะให้คุณเลือก style ของเว็บที่ต้องการ และให้คุณกำหนด title ของเว็บไซด์ใหม่นี้
choosestyle
title
เมื่อกำหนด style และ title เสร็จแล้วคุณจะไปอยู่ที่หน้าออกแบบเว็บไซด์ ซึ่งมี tool ต่าง ๆ ให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย ทั้งนี้ยังรองรับการทำงานแบบ wysiwyg ด้วย
tools

บทความโดย 2beshop.com

download หนังจาก youtube มาดูกันดีกว่า

วิธี ดาวโหลดไฟล์วีดีโอที่เป็น .flv หรือไฟล์ flash จากเว็บไซด์แบบ youtube มาเก็บไว้ เริ่มกันเลยดีกว่าครับ… โปรแกรมที่เราจะใช้ก็คือ Orbit ซึ่งเป็น Freeware ที่มีความสามารถในการมอง link เพื่อดาวโหลดข้อมูลจากเว็บไซด์ที่ซ่อนไฟล์ไว้ซึ่งปกติจะดาวโหลดมาไม่ได้ แต่ Orbit ทำได้ในทีนี้ยังรวมไปถึงการดาวโหลดไฟล์เพลงจากเว็บอย่าง ijigg ได้อีกด้วย เมื่อดาวโหลดมาแล้วให้ทำการ install โปรแกรมตามปกติหลังจากนั้นเมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมาจะเห็นดังภาพข้างล่าง จากนั้นให้ไปที่ tool –> grab++ ดังภาพ โปรแกรมจะเปิดโปรแกรมย่อย ที่ซ้อนอยู่ใน Orbit ชื่อ Grab++ ขึ้นมาซึ่งเป็นตัวทำหน้าที่ในการตรวจหา link ดาวโหลดจากเว็บต่าง ๆ ซ่อนตัว Orbit จะทำการดาวโหลดต่อจากนั้นอีกที เมื่อเปิดขึ้นมาแล้วจะได้ Grab++ หน้าตาเหมือนภาพข้างล่างนี้ จากนั้นเราก็พร้อมแล้วที่จะเลือกหนังต่าง ๆ บน youtube (หรือเว็บอะไรก็แล้วแต่) มาเก็บไว้บนเครื่องของเรา ให้เราไปที่ youtube แล้วเลือกหนังขึ้นมาดูดังภาพ เมื่อมีการเล่นไฟล์ที่เป็น [...]
 

flash-icon
หลาย ๆ คนคงเคยคิดว่า ทำยังไงน้อเราจะได้ไฟล์วีดีโอที่อยู่บน youtube มาเก็บไว้ ไม่ใช่แค่ youtube เท่านั้นแต่วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีดาวโหลดไฟล์วีดีโอที่เป็น .flv หรือไฟล์ flash จากเว็บไซด์แบบ youtube มาเก็บไว้ เริ่มกันเลยดีกว่าครับ…
โปรแกรมที่เราจะใช้ก็คือ orbit ซึ่งเป็น freeware ที่มีความสามารถในการมอง link เพื่อดาวโหลดข้อมูลจากเว็บไซด์ที่ซ่อนไฟล์ไว้ซึ่งปกติจะดาวโหลดมาไม่ได้ แต่ orbit ทำได้ในทีนี้ยังรวมไปถึงการดาวโหลดไฟล์เพลงจากเว็บอย่าง ijigg ได้อีกด้วย
เมื่อดาวโหลดมาแล้วให้ทำการ install โปรแกรมตามปกติหลังจากนั้นเมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมาจะเห็นดังภาพข้างล่าง
orbit
จากนั้นให้ไปที่ tool –> grab++ ดังภาพ
tool-grab
โปรแกรมจะเปิดโปรแกรมย่อย ที่ซ้อนอยู่ใน orbit ชื่อ grab++ ขึ้นมาซึ่งเป็นตัวทำหน้าที่ในการตรวจหา link ดาวโหลดจากเว็บต่าง ๆ ซ่อนตัว orbit จะทำการดาวโหลดต่อจากนั้นอีกที เมื่อเปิดขึ้นมาแล้วจะได้ grab++ หน้าตาเหมือนภาพข้างล่างนี้
grab
จากนั้นเราก็พร้อมแล้วที่จะเลือกหนังต่าง ๆ บน youtube (หรือเว็บอะไรก็แล้วแต่) มาเก็บไว้บนเครื่องของเรา ให้เราไปที่ youtube แล้วเลือกหนังขึ้นมาดูดังภาพ
russell
เมื่อมีการเล่นไฟล์ที่เป็น .flv ตัวโปรแกรมย่อยม grab++ จะทำการตรวจจับ link ของที่มาทันที
choose-file
ให้เราเลือกไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น .flv เพราะนั่นคือไฟล์ที่เราต้องการ
จากนั้นให้เราคลิ๊กที่ปุ่มคำว่า “download” ทางขวาล่างของ grab++ โปรแกรม orbit จะดำเนินการดาวโหลดไฟล์ที่เราเลือกจาก grab++
ทันที เพียงเท่านี้เราก็จะได้ไฟล์มาเก็บไว้บนเครื่องแล้วล่ะครับ
ก่อนจะจบบทความนี้ มีอีกเล็กน้อยที่คุณต้องรู้ นั่นคือไฟล์ที่ทำการดาวโหลดมาเป็น .flv ดังนั้นการจะดูหนังที่มีไฟล์ประเภทแบบนี้ก็จะต้องใช้ flv player ในการดู ซึ่งคุณสามารถดาวโหลดได้โดยคลิ๊กที่นี่ฟรี
flv-player

บทความโดย 2beshop.com
ผู้ให้บริการสินค้า hp และ storage

โหลดเพลงจาก itune radio ง่ายนิดเดียว

ก่อน อื่นต้องขอบอกว่าเราไม่สนับสนุนให้คุณละเมิดลิขสิทธิเพลงในทุกกรณี เราเพียงเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการเปิดโลกทัศน์ของคุณ และเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มากขึ้นเท่านั้น วันนี้เราจะมาพูดถึงการโหลดเพลงจาก iTunes radio หรือช่องวิทยุออนไลน์บน iTunes นั่นเอง โดยปกติแล้วเราจะใช้ iTunes คู่กับ iPod หรือ iPhone แต่ถึงแม้ว่าคุณไม่มีอุปกรณ์ดังกล่าว ก็สามารถดาวโหลด iTunes มาใช้ได้ฟรีอยู่ครับ คุณสามารถคลิ๊กที่นี่เพื่อดาวโหลด เมื่อดาวโหลด iTunes และทำการ install โปรแกรมเสร็จแล้วให้เปิด iTunes ขึ้นมาและไปที่ radio ดังภาพ โดยปกติแล้วคุณจะไม่สามารถดาวโหลด หรือ save ไฟล์เสียงจาก iTunes radio ได้ เวลาที่มันทำงานจะมีการดาวโหลด stream buffer มาเล่นที่เครื่องคุณแบบสด ๆ ทำให้ไม่สามารถหาที่เก็บ buffer หรือ ทำการ save ตัว live stream ที่ส่งมายังเครื่องคุณได้ stationripper เป็น freeware ที่เราจะนำมาใช้สำหรับการทำงานนี้ เมื่อคุณดาวโหลดโปรแกรมและทำการติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ให้คุณเปิดทั้ง iTunes และ stationripper ขึ้นมาพร้อม [...]
 

ก่อน อื่นต้องขอบอกว่าเราไม่สนับสนุนให้คุณละเมิดลิขสิทธิเพลงในทุกกรณี เราเพียงเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการเปิดโลกทัศน์ของคุณ และเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มากขึ้นเท่านั้น
วันนี้เราจะมาพูดถึงการโหลดเพลงจาก itunes radio หรือช่องวิทยุออนไลน์บน itunes นั่นเอง โดยปกติแล้วเราจะใช้ itunes คู่กับ ipod หรือ iphone แต่ถึงแม้ว่าคุณไม่มีอุปกรณ์ดังกล่าว ก็สามารถดาวโหลด itunes มาใช้ได้ฟรีอยู่ครับ คุณสามารถคลิ๊กที่นี่เพื่อดาวโหลด
เมื่อดาวโหลด itunes และทำการ install โปรแกรมเสร็จแล้วให้เปิด itunes ขึ้นมาและไปที่ radio ดังภาพ
itunes
โดยปกติแล้วคุณจะไม่สามารถดาวโหลด หรือ save ไฟล์เสียงจาก itunes radio ได้ เวลาที่มันทำงานจะมีการดาวโหลด stream buffer มาเล่นที่เครื่องคุณแบบสด ๆ ทำให้ไม่สามารถหาที่เก็บ buffer หรือ ทำการ save ตัว live stream ที่ส่งมายังเครื่องคุณได้
stationripper เป็น freeware ที่เราจะนำมาใช้สำหรับการทำงานนี้
stationripper-site
เมื่อคุณดาวโหลดโปรแกรมและทำการติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ให้คุณเปิดทั้ง itunes และ stationripper ขึ้นมาพร้อม ๆ กัน จากนั้นให้คุณเลือกช่องวิทยุที่ต้องการโหลดมาจากหน้า itunes radio ให้ทำการลาก-วาง (drag-drop) ที่ช่องวิทยุที่ต้องการแล้วนำมาวางไว้ที่ stationripper ดังรูป
drag-drop
จากนั้นให้คลิ๊กขวาที่ชื่อช่องวิทยุบน stationripper ที่เราพึ่งลากมาวางแล้วเลือก start (ในกรณีที่มันไม่ยอมโหลดเองโดยอัตโนมัติ) ในขณะที่คุณโหลดตัวไฟล์เพลงมา คุณก็สามารถฟังเพลงจากวิทยุออนไลน์นั้นไปพลาง ๆ ได้ด้วยโดยคลิ๊กที่ปุ่ม “listen” ที่ข้างล่างซ้าย
เมื่อเสร็จแล้วไฟล์จะไปอยู่ที่ c:program files atajik softwarestationripperoutput
ในกรณีที่คุณติดตั้งโปรแกรมไว้ที่ c:program files
อย่าไรก็ตาม เราขอย้ำว่าเราไม่สนับสนุนให้มีการละเมิดลิขสิทธิเพลงในทุกกรณีนะครับ…เรียนรู้ไว้ประดับสมองตามประสาคน it ครับ

บทความโดย 2beshop.com
ผู้จำหน่ายสินค้า hp และ storage

ใช้ social network ทีเดียวพร้อมกันหลาย ๆ ตัวด้วย OrSiSo

วันนี้ มีโปรแกรมสุดเจ๋งชื่อ OrSiSo ซึ่งเป็นโปรแกรมที่พัฒนาด้วย Adobe AIR จึงทำให้โปรแกรมตัวนี้สามารถ run ได้บน Windows, Mac และ Linux OrSiSo เป็น social network aggregator หรือถ้าจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ มันก็คือโปรแกรมที่สามารถดึงข้อมูล social network และ chat network ต่าง ๆ ของเราที่เรามี account อยู่มารวมและแสดงผลไว้ที่เดียวคือที่โปรแกรมตัวนี้ โดยโปรแกรมตัวนี้สามารถดึงข้อมูลจากโปรแกรม chat และ social network ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, LinkedIn, Flickr, Friendster, Twitter, AIM, Windows Live (MSN) Messenger และ Yahoo Messenger พูดง่าย ๆ คือคุณสามารถใช้ OrSiSo เพื่อบริหารจัดการ Chat [...]
 


orsiso_logo

วันนี้มีโปรแกรมสุดเจ๋งชื่อ orsiso ซึ่งเป็นโปรแกรมที่พัฒนาด้วย adobe air จึงทำให้โปรแกรมตัวนี้สามารถ run ได้บน windows, mac และ linux
orsiso เป็น social network aggregator หรือถ้าจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ มันก็คือโปรแกรมที่สามารถดึงข้อมูล social network และ chat network ต่าง ๆ ของเราที่เรามี account อยู่มารวมและแสดงผลไว้ที่เดียวคือที่โปรแกรมตัวนี้ โดยโปรแกรมตัวนี้สามารถดึงข้อมูลจากโปรแกรม chat และ social network ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น facebook, linkedin, flickr, friendster, twitter, aim, windows live (msn) messenger และ yahoo messenger
network
พูดง่าย ๆ คือคุณสามารถใช้ orsiso เพื่อบริหารจัดการ chat และ social network ทุกตัวที่กล่าวมานี้ได้พร้อม ๆ กันในหน้าโปรแกรมเดียว…เจ๋งมั้ยล่ะครับ!
เมื่อคุณเข้าไปที่เว็บไซด์ของ orsiso แล้วให้คลิ๊กที่คำว่า download ที่มุมขวาบนของเว็บไซด์ได้เลย
download
ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณยังไม่ได้ลง adobe air ก่อนที่จะทำการดาวโหลด orsiso ระบบจะทำการดาวโหลด adobe air โดยอัตโนมัติไม่เช่นนั้นคุณจะไม่สามารถ run โปรแกรมนี้ได้
install
ก่อนที่จะเริ่มต้นใช้งานคุณจะต้องเป็น user ซะก่อนซึ่งคุณจะต้องคลิ๊กที่คำว่า “new user” เป็นทำการสมัครสมาชิก
new-user
เมื่อโปรแกรมแสดงหน้าดังภาพข้างล่าง ให้คุณกรอก email และ password จากนั้นให้คลิ๊กที่ “register”
register
เมื่อสร้าง account ใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้วคุณก็พร้อมที่จะเริ่มใช้งาน orsiso ได้ทันที เมื่อโปรแกรมเปิดขึ้นมาพร้อมใช้งานแล้วให้คุณทำการ set up บัญชีผู้ใช้งานที่ social หรือ chat network ของคุณให้เรียบร้อย เพื่อให้ orsiso ทำการ sync ข้อมูลมาที่ตัวโปรแกรม
orsiso

บทความโดย 2beshop.com

มาใช้ Twitter + Facebook บน Desktop กันเถอะ

คุณ ใช้ Twitter รึเปล่าครับ Twitter เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการโปรโมทตัวคุณเอง หรือธุรกิจของคุณ ซึ่งคนที่สนใจในตัวคุณสามารถ add และกลายมาเป็น follower ของคุณได้ โดยภาพรวมแล้ว Twitter เหมือนการเขียน Blog แต่เป็นการเขียนที่เราเรียกว่า Micro Blogging โดยจะเป็นการเขียนข้อความสั้น ๆ ไม่ยาวเหมือนเขียน Blog ทั่วไปนั่นเอง ในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่นานนี้เอง เราจะเห็นเว็บไซด์ Twitter.com มีการพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นด้าน web-based หรือ desktop-based รวมทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานที่มากมายยิ่งขึ้น ส่วน Facebook นั้นคงไม่ต้องบรรยายอะไรมากก็เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าเป็นโปรแกรม Social Network อีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมที่สุดในโลกขณะนี้ ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำโปรแกรมอีกตัวหนึ่งที่ทำใ้ห้คุณสามารถใช้งาน Twitter และ Facebook บน Desktop ได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น Seesmic เป็นโปรแกรมที่มีขนาดเล็ก จึงไม่เปลืองเนื้อที่คอมพิวเตอร์ของคุณ และสามารถทำงานได้บนหลาย platform เพราะใช้ Adobe AIR จึงสามารถ run ได้ทั้งบน Linux, Windows และ [...]
 

คุณ ใช้ twitter รึเปล่าครับ twitter เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการโปรโมทตัวคุณเอง หรือธุรกิจของคุณ ซึ่งคนที่สนใจในตัวคุณสามารถ add และกลายมาเป็น follower ของคุณได้ โดยภาพรวมแล้ว twitter เหมือนการเขียน blog แต่เป็นการเขียนที่เราเรียกว่า micro blogging โดยจะเป็นการเขียนข้อความสั้น ๆ ไม่ยาวเหมือนเขียน blog ทั่วไปนั่นเอง
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่นานนี้เอง เราจะเห็นเว็บไซด์ twitter.com มีการพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นด้าน web-based หรือ desktop-based รวมทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานที่มากมายยิ่งขึ้น
ส่วน facebook นั้นคงไม่ต้องบรรยายอะไรมากก็เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าเป็นโปรแกรม social network อีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมที่สุดในโลกขณะนี้
ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำโปรแกรมอีกตัวหนึ่งที่ทำใ้ห้คุณสามารถใช้งาน twitter และ facebook บน desktop ได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น
seemics-logo
seesmic เป็นโปรแกรมที่มีขนาดเล็ก จึงไม่เปลืองเนื้อที่คอมพิวเตอร์ของคุณ และสามารถทำงานได้บนหลาย platform เพราะใช้ adobe air จึงสามารถ run ได้ทั้งบน linux, windows และ mac os
โดยโปรแกรมตัวนี้มีความสามารถในการใช้งาน twitter ได้ทีเดียวหลาย ๆ account รวมทั้งใช้งาน facebook ไปพร้อม ๆ กันได้ด้วยซึ่งสามารถนำมาแสดงผลพร้อมกันในหน้าต่างเดียวบนโปรแกรม
install-button
เพื่อเริ่มต้นทำการดาวน์โหลดและลงโปรแกรมให้คุณคลิ๊กที่ปุ่มที่เขียนว่า “install seesmic desktop” แต่ถ้าหากว่าคุณยังไม่ได้ลง adobe air ให้คลิ๊กที่ text link ใต้ปุ่ม install ที่เขียนว่า adobe air
adobe-air
เมื่อแน่ใจว่าได้ลง adobe air เรียบร้อยแล้วให้กลับไปที่หน้า seesmic แล้วคลิ๊กปุ่ม install จะปรากฏหน้าต่างดังภาพขึ้นมาให้คลิ๊กที่ save
application-install
save-app
เสร็จแล้วจะได้ตัว installer มาดังภาพ
installer
ให้ดับเบิ้ลคลิ๊กเพื่อเริ่มต้นการลงโปรแกรม
installation-start
เมื่อปรากฏหน้าต่างดังรูปข้างบนขึ้นมาให้คลิ๊ก “install” ขั้นตอนการลงโปรแกรมก็เป็นอันเรียบร้อย
ครั้งแรกที่เปิดโปรแกรมขึ้นมาคุณจะต้องกรอกรายละเอียด account ของ twitter และ facebook ของคุณซะก่อน
accountsw
เมื่อ add account เป็นที่เรียบร้อยแล้วโปรแกรมจะทำการ syncronise ข้อมูลบน twitter และ facebook ของคุณ อย่าลืมว่าคุณสามารถเพิ่ม account ได้ไม่จำกัดไม่ว่าคุณมี twitter หรือ facebook กี่ account ก็สามารถใส่ไปได้เลยครับ
insidetheprogram

บทความโดย 2beshop.com
ผู้แทนจำหน่าย hp และอุปกรณ์ storage